Skip to content

Google Fonts คือ บริการของ Google ที่มีฟ้อนต์หรือตัวหนังสือแบบต่างๆ ให้เราสามารถที่จะเลือกใช้ฟรีได้ แต่ส่วนใหญ่ก็จะเป็นฟ้อนที่สนับสนุนภาษาอังกฤษ คือ เมื่อพิมพ์เป็นภาษาอังกฤษ ตัวหนังสือก็จะสวยตามแบบที่เลือก แต่เมื่อพิมพ์เป็นภาษาไทยก็จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ แต่ในระยะหลังก็เริ่มมีฟ้อนต์ไทยเพิ่มมากขึ้น บางธีมก็จะมี Google Fonts มาให้แล้ว แต่สำหรับธีมที่ไม่มี เราก็สามารถที่จะ Import มาใช้ได้

ไปที่  https://fonts.google.com/

ตอนนี้ Google Fonts ได้พัฒนารูปแบบใหมให้สามารถใช้งานได้ง่ายมากขึ้น โดยในตอนนี้เราสามารถใช้งานได้โดยคลิกที่ด้านบน ดังภาพ อนาคตก็น่าจะเปลี่ยนเป็นแบบนั้นโดยอัตโนมัติเลย

new-google-fonts

การแทรก Google Fonts ใน WordPress
Google Fonts แบบใหม่

สามารถที่จะค้นหาเฉพาะฟ้อนต์ภาษาไทยก็ได้ โดยการคลิกที่ปุ่ม Search ด้านมุมขวาบน แล้วเลือกภาษาที่ Language

search-thai-google-font

ปลั๊กอินที่ใช้ร่วมกัน :
Header and Footer
SiteOrigin CSS

ชี้เม้าส์ไปบนฟ้อนต์ที่ต้องการ จากนั้นเลือกรูปแบบที่ต้องการ เช่น น้ำหนักหรือความหนาของฟ้อนต์ ระบบจะแสดงตัวอย่างให้ดู จากนั้นคลิกที่เครื่องหมาย +

add-thai-font

จากนั้นที่หน้าจอด้านล่างขวาจะมีรายการฟ้อนต์ที่เราเพิ่มเข้าไป ให้เราคลิกฟ้อนต์ตัวที่เราต้องการเพื่อเปิดหน้าจอรายละเอียดในการฝังฟ้อนต์ขึ้นมา

font-detail

ให้ทำการคัดลอกโค้ดชุดแรกของโค้ดแบบ STANDARD คือ <link href="https://fonts.googleapis.com/css?family=Prompt" rel="stylesheet> จากนั้นเปิดปลั๊กอิน Header and Footer ขึ้นมา โดยไปที่เมนู Settings > Header and Footer แล้ววางโค้ดที่คัดลอกมาในส่วนของ <HEAD> SECTION INJECTION เสร็จแล้วคลิกปุ่ม save

head-section-injection
Header and Footer

จากนั้นติดตั้งปลั๊กอิน SiteOirigin CSS เปิดเมนูแก้ไข CSS ที่เมนู Appearance > CSS Editor แล้วคัดลอกโค้ดชุดที่สองจาก Google Fonts ตรง Specify in CSS ที่เขียนว่า font-family: 'Prompt', sans-serif;  ทำการใส่โค้ด CSS ของแท็กหรือคลาสที่เราต้องการจะเปลี่ยน เช่น หากต้องการเปลี่ยนทั้งเว็บคือ <body> ก็ให้ใส่เป็น body { โค้ด font-family ที่คัดลอกมา } เช่น

add-thai-to-siteorigin-css

body { font-family: 'Prompt', sans-serif; }
before-after-google-font
ตัวอย่างก่อนและหลังเปลี่ยนฟ้อนต์

หากต้องการใช้กับ หัวข้อหลัก หรือก็คือ Heading 1 – Heading 6 ก็ให้ใส่

h1, h2, h3, h4, h5, h6 { font-family: 'Prompt', sans-serif;}
heading-google-font
Heading 1-6

การใช้งาน SiteOrigin CSS Live Editor

ปลั๊กอิน SiteOrigin CSS สามารถที่จะใช้แบบ Live Edit ได้ โดยช่วยเป็นเหมือนเครื่องมือตรวจหาคลาสที่เราต้องการแก้ไขโดยอัตโนมัติ โดยเราก็เพียงแค่ใส่ font-family ที่เราคัดลอกมาลงไปในคลาสนั้นๆ

ไปที่เมนู  Appearance > CSS Editor เพื่อใช้งานปลั๊กอิน จากนั้นคลิกที่ปุ่ม Expand ที่อยู่ติดกับปุ่มรูปตาด้านขวามือ

siteorigin-eye

จากนั้นระบบจะแสดงแบบ Live ขึ้นมานะคะ (หน้า Home) ก็ให้เราคลิกเลือกตรงส่วนของเนื้อหาที่ต้องการเปลี่ยน ระบบก็จะแสดงคลาสหรือแท็กต่างๆ ที่เกี่ยวข้องด้านล่าง ให้เราเลือกแท็กที่ต้องการ ในที่นี้คือ นะคะ ก็ให้เราคลิกที่ ค่ะ (p คือ paragraph)

selete-p-siteorigin

จากนั้นสังเกตที่ด้านซ้ายมือของเรา ระบบจะดึงแท็กนั้นมาทำการเปิด { } สำหรับให้เราใส่โค้ดอัตโนมัติ ก็ให้เราใส่โค้ดฟ้อนต์ที่เราก๊อปปี้มาลงไปค่ะ  สังเกตว่าที่ด้านขวานั้น ก็จะแสดงความเปลี่ยนแปลงให้เราเห็นเลยทันที (ใครจะลบบรรทัดก่อนหน้าที่ว่างๆ ออกก่อนก็ได้นะคะ)

add-font-siteorigin

เสร็จแล้วก็ทำการคลิกที่ปุ่มปิดโหมด Live ออกไป ปุ่มลูกศรหัวชนกันที่อยู่ข้างๆ รูปตานั่นเอง แล้วระบบก็จะออกมายังหน้าเดิมที่เปิดมาครั้งแรก แต่ครั้งนี้เราจะได้โค้ดเพิ่มขึ้นมา ก็ให้คลิกที่ปุ่ม Save ได้เลย

save-siteorigin-css

การเปลี่ยนหน้าใน SiteOrigin CSS

ปติแล้วเมื่อเราเปิดโหมด LIve ขึ้นมา ระบบจะเปิดหน้าแก้ไขแบบเป็นเว็บจริงขึ้นมา แต่จะเปิดหน้า Home ก่อนเสมอ หากเราต้องการที่จะไปที่หน้าอื่นๆ เพื่อที่จะแก้ไขในจุดที่เราต้องการไปหน้าอื่นๆ ก็ให้คลิกที่ลิงค์ที่จะไปยังหน้าที่ต้องการ แล้วที่ด้านขวาบนกล่องเครื่องมือ จะมีคำว่า Navigation to ตามด้วยลิงค์ของหน้านั้นๆ ก็ให้เราคลิกที่ลิงค์ตรงนั้นอีกทีค่ะ

siteorigin-navigation-to

หมายเหตุ : การเปลี่ยนฟ้อนต์ของแท็กหรือคลาสใดๆ ก็จะส่งผลกับแท็กหรือคลาสนั้นๆ ทั้งเว็บ หากศึกษาเรื่อง CSS Selector เพิ่มเติมก็จะสามารถเลือกจุดที่ต้องการได้ตรงและจำเพาะเจาะจงมากขึ้นค่ะ

Google Font ทำให้เว็บช้าหรือไม่

ถึงแม้การใช้ Google Font จะเป็นการโหลดข้อมูลจากเว็บภายนอก แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นเครือข่ายของ Google  ก็ไม่ได้ทำให้ช้าแต่อย่างใด มิหนำซ้ำอาจจะยังเร็วกว่าฟ้อนต์ที่โหลดบนโฮ้สต์ของเราก็ได้เพราะบางทีฟ้อนต์เหล่านั้นก็อาจจะโดนบราวเซอร์ของผู้เข้าชมแคชไว้ตั้งแต่ที่เขาเข้าเว็บอื่นก่อนหน้าเราแล้ว เป็นต้น

Back To Top
Search